ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของเด็กหญิง สุนันชา กามะ เลขที่ 22 ชั้น ม.2/4

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เกาะอีสเตอร์ (อังกฤษEaster Island); เกาะราปานูอี (ราปานูอีRapa Nui) หรือ เกาะปัสกวา (สเปนIsla de Pascua) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ในการปกครองของประเทศชิลี ตัวเกาะห่างจากฝั่งประเทศชิลีไปทางทิศตะวันตกกว่า 3,600 กิโลเมตร เกาะที่ใกล้เกาะอีสเตอร์มากที่สุดอยู่ห่างฝั่งจากถึง 2,000 กิโลเมตร จึงได้ชื่อว่าเป็นสถานที่อันโดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก ลักษณะของเกาะมีขนาดเล็ก มีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร
เกาะอีสเตอร์

ประวัติศาสตร์[แก้]

ภาพถ่ายดาวเทียมของเกาะอีสเตอร์
ปี ค.ศ. 1680 เป็นช่วงที่ชาวเผ่าสองเผ่าที่อยู่บนเกาะ ซึ่งมีชนเผ่าหูสั้น (คาดว่าเป็นพวกที่มาจากเกาะแถบโปลีนีเซีย) กับเผ่าหูยาว (คาดว่ามาจากอเมริกาใต้) ซึ่งอยู่อย่างสงบมาช้านานได้ทะเลาะกันและทำสงครามกัน ทำให้ป่าเริ่มหมด สภาพดินเริ่มเสื่อมลง เผ่าหูสั้นซึ่งมีประชากรน้อยกว่ากลับชนะเผ่าหูยาว และช่วงที่ทำการรบอยู่นั้น พวกชาวเผ่าหูสั้นก็ได้ทำลายรูปปั้นหินและโคนรูปเกาะสลักเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นได้มีสงครามและความอดอยากเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
ในปี ค.ศ. 1722 นักเดินชาวดัตช์ซึ่งเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาถึงได้เดินทางมาพบเกาะนี้ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ และได้ค้นพบว่าบนเกาะมีชนเผ่าอาศัยอยู่สองเผ่า และได้ตั้งชื่อเกาะให้ตรงกับวันที่ได้พบคือวันอีสเตอร์ ในปี ค.ศ. 1770 นักเดินเรือชาวสเปนที่เดินทางมาจากเปรูได้ค้นพบเกาะนี้อีกครั้ง ซึ่งขณะนั้นบนเกาะมีซึ่งมีชาวพื้นเมืองอาศัยอยู่ มีประชากรราว 3,000 คน แต่สี่ปีให้หลังจากนั้น กับต้นเจมส์ คุกที่เดินทางสำรวจแถบแปซิฟิกครั้งที่สอง ก็ได้พบเกาะอีสเตอร์ ซึ่งขณะนั้นประชากรบนเกาะเหลืออยู่เพียง 600-700 คน และมีผู้หญิงอยู่เพียง 30 คนเท่านั้น (มีการเล่าต่อกันมาว่าอาจเกิดจากการที่ผู้หญิงและเด็กถูกจับกิน จึงทำให้เด็กกับผู้หญิงลดน้อยลง) ตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 จำนวนประชากรได้เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ในปี ค.ศ. 1862 รัฐบาลเปรูได้กวาดต้อนชาวพื้นเมืองชายประมาณ 1,000 คนไปเป็นทาสบนแผ่นดินใหญ่ แต่ไม่กี่เดือนให้หลัง หลังจากทาส 15 คนที่ได้รับการปล่อยตัวเพื่อกลับมาที่เกาะ ก็ได้นำเชื้อไข้ทรพิษกลับเข้ามาด้วย ทำให้ชาวเกาะซึ่งไม่มีภูมิคุ้มกันได้ติดโรคร้ายไปด้วย ทำให้ประชากรลดลงไปมาก จากการที่ชาวพื้นเมืองไม่ได้บันทึกอะไรไว้เลย สิ่งที่ถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลังคือเล่าจากปากต่อปาก ต้นตอของสิ่งต่าง ๆ จึงได้ตายหายไปพร้อมกับชาวพื้นเมืองที่ลดจำนวนลงไปด้วย แม้จะมีข้อความสัญลักษณ์ แต่ก็ไม่สามารถถอดความได้ และยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ว่าชาวเกาะอีสเตอร์ได้อพยบมาจากที่ใด
ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ประเทศชิลีก็ได้ผนวกเกาะอีสเตอร์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศในปี ค.ศ. 1888 หลังจากนั้นประชากรบนเกาะก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง

รูปสลักหินขนาดยักษ์[แก้]

ถึงแม้ว่าจะไม่มีรู้ที่มาของชาวพื้นเมืองบนเกาะ แต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ. 380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า โมไอ (moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ
สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาพักผ่อนกับเรื่องสบายๆเข้ากับช่วงเทศกาลกันบ้างนะคะ สำหรับบ้านเราก็ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลสงกรานต์ที่ชุ่มช่ำและวันหยุดยาวที่หลายคนรอคอย ส่วนในโลกตะวันตกและชาวคริสต์หลายล้านคนก็จะมีวันหยุดที่ตรงกับเทศกาลเหมือนกัน คือ วันอีสเตอร์ (Easter)
วันอีสเตอร์เป็นวันสำคัญทางศาสนาที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของคริสต์ศาสนิกชน ถือเป็นวันที่รำลึกถึงการฟี้นคืนชีพของพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ด้วยการตรึงไม้กางเขน หรือที่เรียกว่า Crucifixion


นอกจากนี้ การเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ยังถือเป็นการฉลองการเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือ Springtime นั่นเอง มีนัยยะหมายถึงการเกิดใหม่ การเริ่มต้นใหม่ของสิ่งมีชีวิตและฤดูกาลเพาะปลูกหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวอันยาวนาน แม้ว่าในบางประเทศแถบยุโรปยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่วันอีสเตอร์ก็มักจะตรงกับช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งในทางทฤษฎีนับว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการแล้ว สาเหตุที่ไม่มีการกำหนดวันที่ที่แน่นอนให้กับวันอีสเตอร์เป็นเพราะแต่ละประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ใช้ปฏิทินคนละระบบกัน เช่น ในยุโรปตะวันตกจะใช้ปฏิทินแบบเกรกอเรียน (Gregorian) ในขณะที่ประเทศแถบยุโรปตะวันออกใช้แบบจูเลียน (Julian) ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันอีสเตอร์เป็น moveable feast หรืองานเทศกาลที่ไม่ระบุวันตายตัวค่ะ โดยสำหรับปี 2013 วันอีสเตอร์ของชาวยุโรปตะวันตกจะตรงกับวันที่ 31 มีนาคม และ 5 พฤษภาคม สำหรับยุโรปตะวันออก
ความสนุกสนานอย่างหนึ่งของเทศกาลอีสเตอร์สำหรับเด็กๆและผู้ใหญ่หลายคนคือการได้ตกแต่งไข่อีสเตอร์ (Easter eggs) ซึ่งความจริงแล้ว ไข่อีสเตอร์มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ทางศาสนา เปรียบเหมือนกับหลุมพระศพที่ว่างเปล่าของพระเยซูภายหลังจากที่พระองค์ฟื้นคืนชีพในวันอีสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวช้องกับการถือกำเนิดของสิ่งมีชีวิต คือ ลูกไก่ที่ฟักออกมาจากไข่ และเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง ธรรมเนียมการตกแต่งเปลือกไข่ไก่ถือกำเนิดมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตามความเชื่อของคริสตศาสนิกชนในบริเวณเมโสโปเตเมียในตะวันออกกลางยุคแรกๆจะถือเอาการระบายสีแดงที่เปลือกไช่เป็นการระลึกถึงพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออกมาในช่วงที่พระองค์ถูกตรึงไม้กางเขน ส่วนเปลือกไข่จะหมายถึงแผ่นศิลาที่ปิดหลุมพระศพ และรอยร้าวที่เปลือกไข่คือรอยร้าวของแผ่นศิลาที่เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ชีพ
ปัจจุบันนี้มีการผลิตขนม เช่น ช็อคโกแลต เป็นรูปทรงไข่ไก่เพื่อทดแทนการใช้ไข่ไก่ของจริง และอาจมีการสอดไส้เป็นขนมหรือของเล่นชิ้นเล็กๆไว้สำหรับเด็กๆ
นอกจากไข่อีสเตอร์แล้ว สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้คือ กระต่ายอีสเตอร์ (Easter rabbit or Easter bunny) ซึ่งมีสื่อความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะกระต่ายสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ตามตำนานเทศกาลอีสเตอร์ของชาวแคว้น Alsace ในประเทศฝรั่งเศส มีความเชื่อกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ว่ากระต่ายจะเป็นผู้นำของขวัญ คือ ไข่อีสเตอร์ มาให้กับเด็กๆ คล้ายกับที่ซานตาคลอสจะนำของขวัญมาให้ในคืนก่อนวันคริสต์มาส
สำหรับคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศอาจจะได้เห็นบรรยากาศการตกแต่งร้านรวงให้เข้ากับเทศกาลนี้ และได้โอกาสหยุดพักยาว ไปเที่ยวพักผ่อนกันให้สบายใจ รวมถึงได้ลองชิมขนมช็อคโกแลตรูปไข่ไก่และรูปกระต่ายที่วางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป แต่อย่างไรก็ต้องระวัง อย่าลืมรักษาสุขภาพกันเสมอนะคะ

ประวัติความเป็นมาของวันอีสเตอร์ (History of the Holidays: Easter)



อีสเตอร์ วันที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในปฏิทินของชาวคริสต์ เป็นการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แล้วปาฏิหาริย์นี้เกี่ยวข้องอะไรกับกระต่ายและไข่หลากสีด้วย คำตอบซ่อนอยู่ในพิธีกรรมและประเพณีที่สืบต่อกันมาเป็นหลายร้อยชั่วอายุคน

ตามบันทึกในพระคัมภีร์ใหม่ พระเยซูและพระอัครธรรมฑูต (The Apostle) เดินทางไปที่เมืองเยรูซาเลม (Jerusalem) เพื่อประกอบพิธี Passover
 ซึ่งเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวยิวเพื่อรำลึกถึงการที่ชาวฮิบรูได้รับการปลดปล่อยจากความเป็นทาส หลังอาหารค่ำในพิธี Passover พระเยซูทรงถูกจับกุม และในวันที่เรียกกันในปัจจุบันว่า วันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday) พระเยซูก็ทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน แต่เพียงสองวันนับจากนั้น ท่านก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์

ชนชาติยิวเป็นคนกลุ่มแรกที่เริ่มเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์นี้ โดยคาดกันว่าอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาล Passover ที่จริงแล้ว การเฉลิมฉลองเทศกาลอีสเตอร์เดิมเรียกว่า Pascha ซึ่งมาจากคำว่า Pasach คำในภาษายิวที่แปลว่า Passover

เดิมที เทศกาลอีสเตอร์เฉลิมฉลองกันในวันที่สองถัดจากวัน Passover ดังนั้นมันอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ในหนึ่งอาทิตย์ 
แต่วันอีสเตอร์ที่ตรงกับวันพุธ ออกจะรู้สึกแปลกๆอยู่ 


ในปี
 ค.ศ. 325 จักรพรรดิคอนสแตนติน (Constantine) ของอาณาจักรโรมัน และที่ประชุมแห่งไนเซีย (The Council of Nicaea) ตัดสินว่าเทศกาลอีสเตอร์ควรต้องตรงกับวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันที่พระเยซูคริสต์ทรงฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมา วันอีสเตอร์ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์นั้น จะเป็นวันอาทิตย์แรก หลังพระจันทร์เต็มดวงในวัน Spring Equinox ซึ่งอาจจะเป็นวันไหนก็ได้ระหว่างวันที่ 22 มีนาคม-25 เมษายน 

ในช่วงเดียวกันนี้ ชาวคริสต์ได้เริ่มธรรมเนียมเฉลิมฉลอเทศกาลอีกสเตอร์ขึ้นเป็นอย่างแรก นั่นคือธรรมเนียมการการจุดเทียนปัสกา (Paschal Candle) ซึ่งเปลวเทียนนั้นเป็นสิ่งระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เป็นเหมือนแสงที่ส่องสว่างออกมาท่ามกลางความมืดมิด

ขณะที่ศาสนาคริสต์ได้แผ่ขยายออกไปทั่วทวีปยุโรป มีธรรมเนียมเดิมตามความเชื่อของเพเกนบางอย่างที่ผสมผสานเข้ากับความเชื่อของศาสนาคริสต์ด้วย ที่จริงแล้ว คาดว่าคำว่า อีสเตอร์ (Easter) อาจจะมาจากชื่อของ เทพีเอสตรา (Eastra) เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิและความอุดมสมบูรณ์ นี่นำเรามาสู่ไข่อีสเตอร์ (Easter Egg)



ไข่เป็นสัญลักษณ์แห่งการเกิดตามความเชื่อในตำนานมาเป็นพันๆปี คาดว่าชาวคริสต์รับเอาไข่มาเป็นส่วนหนึ่งในธรรมเนียมเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงศตวรรษที่ 13 ไข่แดงในเปลือกเป็นสัญลักษณ์แทนการปรากฏตัวของพระคริสต์จากหลุมฝั่งพระศพ และย้อมเปลือกไข่เป็นสีแดงเพื่อแทนพระโลหิตที่พระคริสต์ต้องสูญเสียไปบนไม้กางเขน

ไม่นาน ไข่อีสเตอร์หลากสีก็ได้มีประเพณีเป็นของมันเอง และประเพณีที่เป็นที่ชื่นชอบมากคือประเพณีการกลิ้งไข่อีอีสเตอร์ (Egg Rolling) ในปี ค.ศ. 1876 สภาคองเกรสออกกฎห้ามเด็กๆเล่นการละเล่นนี้ในพื้นที่ของสภา ดังนั้น ประธานาธิบดี รัทเธอร์ฟอร์ด บี. เฮส จึงเปิดสนามหญ้าของทำเนียบขาวให้เด็กๆได้เข้ามาเล่นกัน หลังจากนั้นประเพณีกลิ้งไข่อีสเตอร์ประจำทำเนียบขาว (The White House Easter Egg Roll) ก็กลายเป็นประเพณีประจำที่เกิดขึ้นทุกปี



แล้วกระต่ายอีสเตอร์กระโดดมาเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลได้อย่างไร กระต่ายวัยเจริญพันธุ์เป็นสัญลักษณ์ของชีวิตที่เกิดใหม่ตามความเชื่อของเพเกนมาเป็นเวลานาน ในช่วงศตวรรษที่ 16 พ่อแม่เริ่มบอกลูกตัวเองว่า ถ้าเด็กๆเป็นเด็กดี กระต่ายอีสเตอร์ก็จะมาวางไข่หลากสีไว้ที่บ้าน เด็กๆก็จะทำรังไว้ในบ้าน เพื่อล่อให้กระต่ายเข้ามา นี่เองเป็นที่มาของประเพณีการล่าไข่อีสเตอร์ (Ester Egg Hunt) และตะกร้าไข่อีสเตอร์ (Easter Basket)


เพื่อช่วยให้เด็กๆ เติมตะกร้าอีสเตอร์ให้เต็มได้ง่ายขึ้น ช่างทำช๊อคโกแล็ตในยุโรป ในช่วงยุคศตวรรษที่ 19 ได้เริ่มผลิตช๊อคโกแล็ตรูปไข่ออกมา ขนมแบบนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และคนในปัจจุบันใช้เงินเป็นพันๆล้านดอลลาร์ทุกปี เพื่อซื้อขนมในเทศกาลอีสเตอร์

เทศกาลอีสเตอร์เป็นวันแห่งความปีติที่ชาวคริสต์เฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู แค่สองพันปีที่ผ่านมานี้มีธรรมเนียมประเพณีใหม่ๆ ถูกผนวกเข้าไว้มากมาย บ้างเป็นประเพณีทางศาสนา และบ้างก็เป็นประเพณีเพื่อความสนุกสนาน แต่อีสเตอร์ยังเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในครอบครัวมารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองการมาถึงของฤดูใบไม้ผลิด้วย ฤดูกาลที่ชีวิตใหม่เกิดขึ้นหลังความหนาวเย็นของฤดูหนาว



ไข่ : สื่อถึงชีวิตใหม่ ไข่ ถือเป็สัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่หรือมีชีวิตใหม่ กางเขนและอุโมงค์ที่ว่างเปล่า เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ มีคนกล่าวว่าคริสเตียนแท้มักจะดำเนินชีวิตโดยยึดหลักการที่ว่า พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ประเสริฐเพื่อเราเมื่อวานนี้ และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์ และทรงสถิตอยู่กับเราในวันนี้ และพระองค์จะทรงเสด็จกลับมารับเรา (ผู้เชื่อ) ในวันพรุ่งนี้
กระต่าย : สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ

ผีเสื้อ : สื่อถึงชีวิตใหม่ เหมือนผีเสื้อที่ออกมาจากดักแด้และบินสู่ท้องฟ้าเช่นเดียวกับ พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์ และอยู่ในอุโมงค์ หลังจากนั้น 3 วัน จึงฟื้นคืนพระชนม์

สวนดอกไม้ : สื่อความหมายถึง ความสุขสมหวัง ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือดอกลิลี่ หรือดอกพลับพลึงขาวบริสุทธิ์ ....

 ตารางวันอาทิตย์อีสเตอร์ หรือ Easter Sunday จาก ปี 2013 ถึง ปี 2022 ศจ.ศรีธนต์ เยาว์ธานี อ้างอิงข้อมูลมาจาก The Book of Common Prayer,The Episcopal Church โดย Charles Mortimer Guilbert,September 1979 ดังนี้

2013       31 มีนาคม         

2014      20 เมษายน 
2015        5 เมษายน
2016      27 มีนาคม
2017      16 เมษายน
2018       1 เมษายน
2019     21 เมษายน
2020     12 เมษายน
2021       4 เมษายน
2022     17 เมษายน
เทศกาลอีสเตอร์ Easter  teen.mhai
เพื่อนๆ teen.mthai เคยได้ยิน เทศกาลอีสเตอร์ Easter กันบ้างรึเปล่าคะ? เป็นเทศกาลศักดิ์สิทธของชาวคริสต์ เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์?ทุกคนก็คงจะนึกถึง กระต่ายและไข่ที่เพ้นท์ลวดลายน่ารัก สีสันสดใส
เทศกาลอีสเตอร์ Easter แต่ละปีจะไม่ตรงกันและทางตะวันตกกับตะวันออก กำหนดวันอีสเตอร์ที่ต่างกัน ซึ่งเปลี่ยนไปทุกปีด้วย ประเพณีในการเฉลิมฉลองเทศกาลนี้จะคล้ายๆ กันคือ มีการตกแต่งไข่อีสเตอร์และกิจกรรมค้นหาไข่เป็นที่นิยมกันมากที่สุดใน หมู่เด็กๆ

เทศกาลอีสเตอร์ Easter  teen.mhai

เทศกาลอีสเตอร์ Easter

เทศกาลอีสเตอร์ Easter?คือ เทศกาลศักดิ์สิทธของชาวคริสต์ เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์?ชาวคาทอลิกในไทยเรียกอีกชื่อว่า?“ปัสกา”?เข้าใจว่าคำว่า?“อีสเตอร์”?มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ คือคำว่า?Eastre?ซึ่งเป็นชื่อเทพธิดาของฤดูใบไม้ผลิ?นักวิชาการบางท่านได้ให้ข้อคิดว่า การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับฤดูใบไม้ผลิตอย่างน้อย 2 ประการ
  • ประการแรก?คือ เทศกาลอีสเตอร์?อยู่ในช่วงเกี่ยวกับฤดูใบไม้ผลิต คือระหว่างเดือนมีนาและเมษายน
  • ประการที่สอง?คือ ฤดูใบไม้ผลิตเป็นสัญญาลักษณ์ของชีวิตใหม่ เพราะระหว่างฤดูหนาวที่หิมะตก หรืออากาศหนาวเย็น ต้นไม้ส่วนใหญ่จะไม่มีใบ มีลักษณะเหมือนตายไปแล้ว แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิตมาถึง ต้นไม้ที่ดูเหมือนตายไปแล้วก็ผลิใบ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ใช้คำว่า Easter สำหรับวันฟื้นคืนพระชนม์
เทศกาลอีสเตอร์ Easter  teen.mhai
เทศกาลอีสเตอร์?เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากที่สุดในศาสนาคริสต์ วันอีสเตอร์เป็นวันเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูหลังจากที่ทรงถูกตรึง กางเขนและสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามวัน โดยวันที่จะเปลี่ยนไปใน แต่ละปีแต่กำหนดให้ทุกปีต้องจัดขึ้นในวันอาทิตย์? เพราะเป็นวันที่ทรงถูกตรึงกางเขนตามพระคัมภีร์
นอกจากนี้ เทศกาลอีสเตอร์?ถือเป็นวันสิ้นสุดเทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นช่วงเวลา 40 วันที่ชาวคริสต์ถือศีลอดและสวดภาวนาเป็นพิเศษ สัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลมหาพรตเรียกว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ วันศุกร์ของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เรียกวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (หรือที่ชาวโปรเตสแตนต์เรียก วันศุกร์ประเสริฐ) เป็นวันที่พระเยซูโดนตรึงกางเขน หลังจากวันอีสเตอร์เป็นเทศกาลปัสกา (Eastertide) 50 วัน และจบเทศกาลในวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า
เทศกาลอีสเตอร์ Easter  teen.mhai

สัญลักษณ์ของ?เทศกาลอีสเตอร์

เทศกาลอีสเตอร์ เป็นสิ่งที่สื่อความหมายถึงความสุข สมหวัง ชัยชนะ ความอบอุ่น ความสดใส
  • ไข่?: สื่อถึงชีวิตใหม่ ไข่ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่หรือมีชีวิตใหม่ กางเขนและอุโมงค์ที่ว่างเปล่า เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์
  • กระต่าย?: สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ
  • ผีเสื้อ?: สื่อถึงชีวิตใหม่ เหมือนผีเสื้อที่ออกมาจากดักแด้และบินสู่ท้องฟ้าเช่นเดียวกับ พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์ และอยู่ในอุโมงค์ หลังจากนั้น 3 วัน จึงฟื้นคืนพระชนม์
  • สวนดอกไม้?: สื่อความหมายถึง ความสุขสมหวัง ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือดอกลิลี่ หรือดอกพลับพลึงขาวบริสุทธิ์
เทศกาลอีสเตอร์ Easter
วันอีสเตอร์ (Easter) หรือ วันพระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ คริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทยเรียกว่า วันสมโภชปัสกาพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากที่สุดในศาสนาคริสต์ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูหลังจากที่ทรงถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามวัน โดยวันที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละปีแต่กำหนดให้ทุกปีต้องจัดขึ้นในวันอาทิตย์(เพราะเป็นวันที่ทรงถูกตรึงกางเขนตามพระคัมภีร์) เรียก วันอีสเตอร์ โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 20 เมษายน 2014
วันอีสเตอร์
ทางตะวันตกกับตะวันออกกำหนดวันอีสเตอร์ที่ต่างกัน ซึ่งเปลี่ยนไปทุกปีด้วย ดังนี้
วันอีสเตอร์ในแต่ละปี
ปี
ตะวันตกตะวันออก
201124-เม.ย.
201208-เม.ย.15-เม.ย.
201331-มี.ค.05-พ.ค.
201420-เม.ย.

นอกจากนี้วันอีสเตอร์ถือเป็นวันสิ้นสุดเทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นช่วงเวลา 40 วันที่คริสต์ศาสนิกชนถือศีลอดและสวดภาวนาเป็นพิเศษ สัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลมหาพรตเรียกว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ วันศุกร์ของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เรียกวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (หรือที่ชาวโปรเตสแตนต์เรียกวันศุกร์ประเสริฐ) เป็นวันที่พระเยซูโดนตรึงกางเขน หลังจากวันอีสเตอร์เป็นเทศกาลปัสกา (Eastertide) 50 วัน และจบเทศกาลในวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า
ประเพณีในการเฉลิมฉลองแตกต่างกันทั่วโลก แต่การตกแต่งไข่อีสเตอร์และกิจกรรมค้นหาไข่เป็นที่นิยมกันมากที่สุดในหมู่เด็ก ๆ

สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์
ไข่ ( Easter egg) - หมายถึง ชีวิตใหม่
การหาไข่อีสเตอร์ กลาย เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สนุกสนาน เคียงคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ จนยากที่จะตัดทิ้ง ทั้งๆที่ไข่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอีสเตอร์เลย เริ่มแรกเมื่อมีการใช้ไข่ในยุโรปสมัยโบราณ หมายถึง “ชีวิตใหม่” หรือ “ความอุดมสมบูรณ์ที่กลับมาอีกครั้งหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ”
ชาวยุโรปเคยใช้ไข่กลิ้งไปตามท้องทุ่ง แล้วบนบานให้ทุ่งนาของตนมีผลิตผลบริบูรณ์
ต่อมาเมื่อผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ได้ขยายเผยแผ่เข้าไปในยุโรป และในหลายๆประเทศยอมรับเชื่อเป็นสาวกของพระเยซู เมื่อ ถึงเทศกาลปัสกา หรือ อีสเตอร์ ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ผลิพอดี เลยเอาไข่ที่เคยใช้แต่ก่อนแล้วมาผสมผสานด้วย
ส่วนในปัจจุบันนี้ มีการทำช็อกโกแลตเป็นรูปไข่ลวดลายต่างๆ หรือ ทำไข่พลาสติกที่บรรจุขนมหวานไว้ข้างใน และมีการเอ าไข่ต้มมาทาสี หรือ ไข่พลาสติกสีสันต่าง ๆ ไปซ่อนให้เด็กค้นหา โดยมีความหมายแฝงเร้นอยู่ว่าอีสเตอร์ คือ วันที่พระคริสต์ ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และเสด็จออกจากอุโมงค์ฝังศพที่มีก้อนศิลามหึมาปิดอยู่นั้นถูกเปิดออก เหมือนดังที่ลูกไก่ได้เจาะเปลือกไข่ออกมาเป็นตัวนั่นเอง
กระต่ายอีสเตอร์ (Easter Bunny) - ก็เช่นเดียวกับ “ไข่” คือเป็นสัญลักษณ์ของ “ชีวิตใหม่” ธรรมชาติของกระต่ายจะออกลูกดกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ความหมายข องกระต่ายจึงหมายถึงชีวิตใหม่มากกว่าการเน้น “การเป็นขึ้นจากความตาย” ส่วนตำนานที่สมัยใหม่หน่อย เกี่ยวกับกระต่ายมี ดังนี้ ผู้หญิงคนหนึ่ง ซ่อนไข่อีสเตอร์ไว้สำหรับลูก ๆ ในช่วงกันดารอาหาร ในขณะที่เด็ก ๆ พบไข่นั้น มีกระต่ายตัวใหญ่กระโ ดดหนีออกไป พวกเขาก็เลยคิดว่า กระต่ายเป็นผู้นำเอาไข่มาให้ กระต่ายจึงมาเกี่ยวข้องกับไข่โดยปริยาย
ดอกไม้ - ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือ ดอกลิลลี่ หรือดอกพลับพลึงสีขาวบริสุทธิ์ ที่เบ่งบานยามรุ่งอรุณ มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์เมื่อแรกแย้ม
สวนดอกไม้ - ซึ่งสื่อความหมายถึง ความสุขสมหวัง สดใสชื่นบาน สวยงาม
ผีเสื้อ - สื่อความหมายถึงชีวิตใหม่ เหมือนตัวดักแด้ที่ออกมาจากเปลือกหุ้ม และโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างอิสรเสรี คล้ายกับองค์พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์ และถูกเก็บไว้ในอุโมงค์ หลังจากนั้น 3 วัน จึงฟื้นคืนพระชนม์
ฤดูใบไม้ผลิ - หมายถึง สัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ ที่ได้ผ่านพ้นฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนาวเย็นนั้น ต้นไม้ทิ้งใบเสมือนตายไปแล้ว พอถึงฤดูใบไม้ผลิก็ผลิใบใหม่และต้นได้ฟื้นขึ้นมาใหม่หรือเปรียบเสมือนการเกิดใหม่นั่นเอง
กางเขน และ อุโมงค์ที่ว่างเปล่า - เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นขึ้นมาจากความตาย

ใกล้วันอีสเตอร์ (Easter) ประวัติวันอีสเตอร์แล้ว
วันอีสเตอร์ปีนี้วันที่ 20 เมษายน 2014
วันอีสเตอร์ (Easter) คือ เทศกาลศักดิ์สิทธของชาวคริสต์ เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์
วันอีสเตอร์ คือวันระลึกถึงวันเป็นขึ้นมาจากความตาย ขององค์พระเยซูคริสต์ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ คำว่า "อีสเตอร์ " ที่นำมาใช้สำหรับการฉลองนั้นมาจากคำว่า "EOSTRE" ซึ่งเป็นชื่อของเทพเจ้าแห่งฤดูใบไม้ผลิตของพวกทูโทนิค เป็นเทพเจ้าแห่งการฟื้นคืนชีพ เพราะก่อนถึงฤดูนี้ ต้นไม้ ใบหญ้า ดอกร่วงหล่นเหลือแต่ซาก พอถึงฤดูใบไม้ผลิมันจะกลับผลิดอกออกใบมีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นฤดูใบไม้ผลิ จึงถูกนำมาเปรียบกับการเป็นขึ้นมาจากความตาย ของพระเยซูด้วย จึงเรียกวันนี้ว่า "อีสเตอร์"

สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์
สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ นั้นได้แก่สิ่งที่สื่อถึงความสุข สมหวัง ชัยชนะ ความอบอุ่น ความสดใส
ไข่ : สื่อถึงชีวิตใหม่ ไข่ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่หรือมีชีวิตใหม่ กางเขนและอุโมงค์ที่ว่างเปล่า เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นขึ้นมาจากความตายของพระเยซูคริสต์ มีคนกล่าวว่าคริสเตียนแท้มักจะดำเนินชีวิตโดยยึดหลักการที่ว่า พระเยซูคริสต์ได้สิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ประเสริฐเพื่อเราเมื่อวานนี้ และทรงเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์ และทรงสถิตอยู่กับเราในวันนี้ และพระองค์จะทรงเสด็จกลับมารับเรา (ผู้เชื่อ) ในวันพรุ่งนี้
กระต่าย : สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ เป็นสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ
ผีเสื้อ : สื่อถึงชีวิตใหม่ เหมือนผีเสื้อที่ออกมาจากดักแด้และบินสู่ท้องฟ้าเช่นเดียวกับ พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์ และอยู่ในอุโมงค์ หลังจากนั้น 3 วัน จึงฟื้นคืนพระชนม์
สวนดอกไม้ : สื่อความหมายถึง ความสุขสมหวัง ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือดอกลิลี่ หรือดอกพลับพลึงขาวบริสุทธิ์ ....
วันอีสเตอร์แต่ละปีจะไม่ตรงกันซะทั้งหมด และทางตะวันตกกับตะวันออก กำหนดวันอีสเตอร์ที่ต่างกัน ซึ่งเปลี่ยนไปทุกปีด้วย ดังนี้
Date Week number
อีสเตอร์ Easter 2013 มีนาคม 31, 2013
อีสเตอร์ Easter 2014 เมษายน 20, 2014
อีสเตอร์ Easter 2015 เมษายน 5, 2015
อีสเตอร์ Easter 2016 มีนาคม 27, 2016
อีสเตอร์ Easter 2017 เมษายน 16, 2017
อีสเตอร์ Easter 2018 เมษายน 1, 2018
อีสเตอร์ Easter 2019 เมษายน 21, 2019
อีสเตอร์ Easter 2020 เมษายน 12, 2020
อีสเตอร์ Easter 2021 เมษายน 4, 2021
อีสเตอร์ Easter 2022 เมษายน 17, 2022
อีสเตอร์ Easter 2023 เมษายน 9, 2023





สัญลักษณ์ วันอีสเตอร์


            สัญลักษณ์ที่ใช้ในการเฉลิมฉลอง คือ ไข่ โดยชาวคริสต์จะเรียกว่า ไข่อีสเตอร์หรือไข่ปัสกา ทั้งนี้ ก็เพื่อสื่อถึงการเกิดใหม่ ชีวิตที่กำลังเริ่มต้นใหม่ และสิ่งใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น เต็มไปด้วยความชื่นบานและความดี โดยชาวคริสต์มักจะวาดรูปตกแต่งลวดลายไข่ให้สวยงาม อย่างสนุกสนาน และนิยมกินไข่ในวันดังกล่าว ซึ่งเชื่อว่าหากกินไข่แล้วจะนำสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาสู่ชีวิตของเรา 
 


กิจกรรมวันอีสเตอร์ 

            ชาวคริสต์แต่ละครอบครัวจะแต่งตัวสวยงาม มาร่วมพิธีกรรมในโบสถ์ พร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า นอกจากนี้ บางครอบครัวก็มักจะตกแต่งไข่เป็นลวดลายสีสันต่าง ๆ เพื่อนำมามอบให้แก่กันและกัน ส่วนบางโบสถ์ก็จัดกิจกรรม ร่วมรับประทานเพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ รวมไปถึงจัดเกมสนุก ๆ ให้แต่ละครอบครัวหาไข่อีสเตอร์ ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในพุ่มไม้หรืกอหญ้าต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เฉลิมฉลองได้ช่วยกันค้นหา และได้ใช้เวลาแห่งความสุขในวันอีสเตอร์ร่วมกัน  

ประวัติ วันอีสเตอร์ 

 
             วันอีสเตอร์ หรือวันปัสกา เป็นวันเฉลิมฉลองพระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ชีพจากความตาย และเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลมหาพรต ที่ชาวคริสต์ต้องระลึกถึงพระมหาทรมานของพระเยซูก่อนที่จะสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน โดยตลอด 40 วันของเทศกาลนี้ เริ่มตั้งแต่วันแรก (วันปาล์มซันเดย์ Palm Sunday) ชาวคริสต์ จะต้องตั้งจิตอธิษฐานรำลึกเหตุการณ์อันทรมานของพระเยซูตามพระคัมภีร์ รวมไปถึงสวดภาวนา บริจาคสิ่งของ อดอาหาร และไม่ฟุ่มเฟือย ดำเนินชีวิตอย่างสมถะที่สุด 

           ทั้งนี้ วันอีสเตอร์นั้น ไม่มีวันที่ระบุตายตัว แต่ชาวคริสต์ได้ถือเอาวันอาทิตย์แรกหลังพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 4 เป็นตัวกำหนด หลังจากเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์แล้ว จะเข้าสู่เทศกาลปัสกา ซึ่งเทศกาลนี้ เป็นเทศกาลที่ให้ชาวคริสต์ได้รื้อฟื้นความเชื่ออีกครั้ง เป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตในพระคริสตเจ้า