ยินดีต้อนรับสู่บล็อกของเด็กหญิง สุนันชา กามะ เลขที่ 22 ชั้น ม.2/4

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2558

สวัสดีค่ะ วันนี้เรามาพักผ่อนกับเรื่องสบายๆเข้ากับช่วงเทศกาลกันบ้างนะคะ สำหรับบ้านเราก็ใกล้เข้ามาแล้วกับเทศกาลสงกรานต์ที่ชุ่มช่ำและวันหยุดยาวที่หลายคนรอคอย ส่วนในโลกตะวันตกและชาวคริสต์หลายล้านคนก็จะมีวันหยุดที่ตรงกับเทศกาลเหมือนกัน คือ วันอีสเตอร์ (Easter)
วันอีสเตอร์เป็นวันสำคัญทางศาสนาที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งของคริสต์ศาสนิกชน ถือเป็นวันที่รำลึกถึงการฟี้นคืนชีพของพระเยซูหลังจากสิ้นพระชนม์ด้วยการตรึงไม้กางเขน หรือที่เรียกว่า Crucifixion


นอกจากนี้ การเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ยังถือเป็นการฉลองการเข้าสู่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือ Springtime นั่นเอง มีนัยยะหมายถึงการเกิดใหม่ การเริ่มต้นใหม่ของสิ่งมีชีวิตและฤดูกาลเพาะปลูกหลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวอันยาวนาน แม้ว่าในบางประเทศแถบยุโรปยังคงถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แต่วันอีสเตอร์ก็มักจะตรงกับช่วงปลายเดือนมีนาคมจนถึงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี ซึ่งในทางทฤษฎีนับว่าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอย่างเป็นทางการแล้ว สาเหตุที่ไม่มีการกำหนดวันที่ที่แน่นอนให้กับวันอีสเตอร์เป็นเพราะแต่ละประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์ใช้ปฏิทินคนละระบบกัน เช่น ในยุโรปตะวันตกจะใช้ปฏิทินแบบเกรกอเรียน (Gregorian) ในขณะที่ประเทศแถบยุโรปตะวันออกใช้แบบจูเลียน (Julian) ด้วยเหตุนี้จึงทำให้วันอีสเตอร์เป็น moveable feast หรืองานเทศกาลที่ไม่ระบุวันตายตัวค่ะ โดยสำหรับปี 2013 วันอีสเตอร์ของชาวยุโรปตะวันตกจะตรงกับวันที่ 31 มีนาคม และ 5 พฤษภาคม สำหรับยุโรปตะวันออก
ความสนุกสนานอย่างหนึ่งของเทศกาลอีสเตอร์สำหรับเด็กๆและผู้ใหญ่หลายคนคือการได้ตกแต่งไข่อีสเตอร์ (Easter eggs) ซึ่งความจริงแล้ว ไข่อีสเตอร์มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ทางศาสนา เปรียบเหมือนกับหลุมพระศพที่ว่างเปล่าของพระเยซูภายหลังจากที่พระองค์ฟื้นคืนชีพในวันอีสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวช้องกับการถือกำเนิดของสิ่งมีชีวิต คือ ลูกไก่ที่ฟักออกมาจากไข่ และเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์นั่นเอง ธรรมเนียมการตกแต่งเปลือกไข่ไก่ถือกำเนิดมาเป็นเวลานานแล้ว แต่ตามความเชื่อของคริสตศาสนิกชนในบริเวณเมโสโปเตเมียในตะวันออกกลางยุคแรกๆจะถือเอาการระบายสีแดงที่เปลือกไช่เป็นการระลึกถึงพระโลหิตของพระเยซูที่หลั่งออกมาในช่วงที่พระองค์ถูกตรึงไม้กางเขน ส่วนเปลือกไข่จะหมายถึงแผ่นศิลาที่ปิดหลุมพระศพ และรอยร้าวที่เปลือกไข่คือรอยร้าวของแผ่นศิลาที่เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูฟื้นคืนพระชนม์ชีพ
ปัจจุบันนี้มีการผลิตขนม เช่น ช็อคโกแลต เป็นรูปทรงไข่ไก่เพื่อทดแทนการใช้ไข่ไก่ของจริง และอาจมีการสอดไส้เป็นขนมหรือของเล่นชิ้นเล็กๆไว้สำหรับเด็กๆ
นอกจากไข่อีสเตอร์แล้ว สัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของเทศกาลนี้คือ กระต่ายอีสเตอร์ (Easter rabbit or Easter bunny) ซึ่งมีสื่อความหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ของช่วงฤดูใบไม้ผลิ เพราะกระต่ายสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ตามตำนานเทศกาลอีสเตอร์ของชาวแคว้น Alsace ในประเทศฝรั่งเศส มีความเชื่อกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ว่ากระต่ายจะเป็นผู้นำของขวัญ คือ ไข่อีสเตอร์ มาให้กับเด็กๆ คล้ายกับที่ซานตาคลอสจะนำของขวัญมาให้ในคืนก่อนวันคริสต์มาส
สำหรับคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศอาจจะได้เห็นบรรยากาศการตกแต่งร้านรวงให้เข้ากับเทศกาลนี้ และได้โอกาสหยุดพักยาว ไปเที่ยวพักผ่อนกันให้สบายใจ รวมถึงได้ลองชิมขนมช็อคโกแลตรูปไข่ไก่และรูปกระต่ายที่วางจำหน่ายตามร้านค้าทั่วไป แต่อย่างไรก็ต้องระวัง อย่าลืมรักษาสุขภาพกันเสมอนะคะ

1 ความคิดเห็น: