วันอีสเตอร์ (Easter) หรือ วันพระเยซูคริสต์ทรงคืนพระชนม์ คริสต์ศาสนิกชนนิกายโรมันคาทอลิกในประเทศไทยเรียกว่า วันสมโภชปัสกาพระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนมชีพ เป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญมากที่สุดในศาสนาคริสต์ จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ของพระเยซูหลังจากที่ทรงถูกตรึงกางเขนและสิ้นพระชนม์ไปแล้วสามวัน โดยวันที่จะเปลี่ยนไปในแต่ละปีแต่กำหนดให้ทุกปีต้องจัดขึ้นในวันอาทิตย์(เพราะเป็นวันที่ทรงถูกตรึงกางเขนตามพระคัมภีร์) เรียก วันอีสเตอร์ โดยปีนี้ตรงกับวันที่ 20 เมษายน 2014
ทางตะวันตกกับตะวันออกกำหนดวันอีสเตอร์ที่ต่างกัน ซึ่งเปลี่ยนไปทุกปีด้วย ดังนี้
วันอีสเตอร์ในแต่ละปี
ปี
| ตะวันตก | ตะวันออก |
2011 | 24-เม.ย. | |
2012 | 08-เม.ย. | 15-เม.ย. |
2013 | 31-มี.ค. | 05-พ.ค. |
2014 | 20-เม.ย. |
นอกจากนี้วันอีสเตอร์ถือเป็นวันสิ้นสุดเทศกาลมหาพรตซึ่งเป็นช่วงเวลา 40 วันที่คริสต์ศาสนิกชนถือศีลอดและสวดภาวนาเป็นพิเศษ สัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลมหาพรตเรียกว่าสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์ วันศุกร์ของสัปดาห์ศักดิ์สิทธิ์เรียกวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (หรือที่ชาวโปรเตสแตนต์เรียกวันศุกร์ประเสริฐ) เป็นวันที่พระเยซูโดนตรึงกางเขน หลังจากวันอีสเตอร์เป็นเทศกาลปัสกา (Eastertide) 50 วัน และจบเทศกาลในวันอาทิตย์สมโภชพระจิตเจ้า
ประเพณีในการเฉลิมฉลองแตกต่างกันทั่วโลก แต่การตกแต่งไข่อีสเตอร์และกิจกรรมค้นหาไข่เป็นที่นิยมกันมากที่สุดในหมู่เด็ก ๆ
สัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์
ไข่ ( Easter egg) - หมายถึง ชีวิตใหม่
การหาไข่อีสเตอร์ กลาย เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สนุกสนาน เคียงคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ จนยากที่จะตัดทิ้ง ทั้งๆที่ไข่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอีสเตอร์เลย เริ่มแรกเมื่อมีการใช้ไข่ในยุโรปสมัยโบราณ หมายถึง “ชีวิตใหม่” หรือ “ความอุดมสมบูรณ์ที่กลับมาอีกครั้งหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ”
การหาไข่อีสเตอร์ กลาย เป็นธรรมเนียมประเพณีที่สนุกสนาน เคียงคู่ไปกับการเฉลิมฉลองวันอีสเตอร์ จนยากที่จะตัดทิ้ง ทั้งๆที่ไข่ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับอีสเตอร์เลย เริ่มแรกเมื่อมีการใช้ไข่ในยุโรปสมัยโบราณ หมายถึง “ชีวิตใหม่” หรือ “ความอุดมสมบูรณ์ที่กลับมาอีกครั้งหนึ่งในฤดูใบไม้ผลิ”
ชาวยุโรปเคยใช้ไข่กลิ้งไปตามท้องทุ่ง แล้วบนบานให้ทุ่งนาของตนมีผลิตผลบริบูรณ์
ต่อมาเมื่อผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ได้ขยายเผยแผ่เข้าไปในยุโรป และในหลายๆประเทศยอมรับเชื่อเป็นสาวกของพระเยซู เมื่อ ถึงเทศกาลปัสกา หรือ อีสเตอร์ ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ผลิพอดี เลยเอาไข่ที่เคยใช้แต่ก่อนแล้วมาผสมผสานด้วย
ต่อมาเมื่อผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ได้ขยายเผยแผ่เข้าไปในยุโรป และในหลายๆประเทศยอมรับเชื่อเป็นสาวกของพระเยซู เมื่อ ถึงเทศกาลปัสกา หรือ อีสเตอร์ ซึ่งตรงกับฤดูใบไม้ผลิพอดี เลยเอาไข่ที่เคยใช้แต่ก่อนแล้วมาผสมผสานด้วย
ส่วนในปัจจุบันนี้ มีการทำช็อกโกแลตเป็นรูปไข่ลวดลายต่างๆ หรือ ทำไข่พลาสติกที่บรรจุขนมหวานไว้ข้างใน และมีการเอ าไข่ต้มมาทาสี หรือ ไข่พลาสติกสีสันต่าง ๆ ไปซ่อนให้เด็กค้นหา โดยมีความหมายแฝงเร้นอยู่ว่าอีสเตอร์ คือ วันที่พระคริสต์ ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และเสด็จออกจากอุโมงค์ฝังศพที่มีก้อนศิลามหึมาปิดอยู่นั้นถูกเปิดออก เหมือนดังที่ลูกไก่ได้เจาะเปลือกไข่ออกมาเป็นตัวนั่นเอง
กระต่ายอีสเตอร์ (Easter Bunny) - ก็เช่นเดียวกับ “ไข่” คือเป็นสัญลักษณ์ของ “ชีวิตใหม่” ธรรมชาติของกระต่ายจะออกลูกดกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ความหมายข องกระต่ายจึงหมายถึงชีวิตใหม่มากกว่าการเน้น “การเป็นขึ้นจากความตาย” ส่วนตำนานที่สมัยใหม่หน่อย เกี่ยวกับกระต่ายมี ดังนี้ ผู้หญิงคนหนึ่ง ซ่อนไข่อีสเตอร์ไว้สำหรับลูก ๆ ในช่วงกันดารอาหาร ในขณะที่เด็ก ๆ พบไข่นั้น มีกระต่ายตัวใหญ่กระโ ดดหนีออกไป พวกเขาก็เลยคิดว่า กระต่ายเป็นผู้นำเอาไข่มาให้ กระต่ายจึงมาเกี่ยวข้องกับไข่โดยปริยาย
ดอกไม้ - ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันอีสเตอร์ คือ ดอกลิลลี่ หรือดอกพลับพลึงสีขาวบริสุทธิ์ ที่เบ่งบานยามรุ่งอรุณ มีกลิ่นหอมบริสุทธิ์เมื่อแรกแย้ม
สวนดอกไม้ - ซึ่งสื่อความหมายถึง ความสุขสมหวัง สดใสชื่นบาน สวยงาม
ผีเสื้อ - สื่อความหมายถึงชีวิตใหม่ เหมือนตัวดักแด้ที่ออกมาจากเปลือกหุ้ม และโบยบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างอิสรเสรี คล้ายกับองค์พระเยซูคริสต์ที่สิ้นพระชนม์ และถูกเก็บไว้ในอุโมงค์ หลังจากนั้น 3 วัน จึงฟื้นคืนพระชนม์
ฤดูใบไม้ผลิ - หมายถึง สัญลักษณ์ของการบังเกิดใหม่ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตใหม่ ที่ได้ผ่านพ้นฤดูหนาวที่มีหิมะตกหนาวเย็นนั้น ต้นไม้ทิ้งใบเสมือนตายไปแล้ว พอถึงฤดูใบไม้ผลิก็ผลิใบใหม่และต้นได้ฟื้นขึ้นมาใหม่หรือเปรียบเสมือนการเกิดใหม่นั่นเอง
กางเขน และ อุโมงค์ที่ว่างเปล่า - เป็นสัญลักษณ์ของการฟื้นขึ้นมาจากความตาย
ดีมากค่ะ
ตอบลบสาระเนื้อหาดี น่ารักกก
ตอบลบ